จะกล่าวกำเนิดไข้ โดยในที่มีอาการ แพทย์จงสดับสาร อันควรทำจะสำแดง
ไข้ใดให้รนร้อน กระหายน้ำนั้นเรี่ยวแรง ปากไหม้แตกระแหง จักษุแดงพิการกล ให้เจ็บไม่เว้นว่าง ทั่วสรรพางค์ไปทั้งตน ที่ใดอันเย็นยน ที่อันนั้นก็พึงใจ
ไข้ใดให้เย็นนัก แบมันมักให้นอนไป อาหารเห็นเบื่อใจ ให้เจ็บคอเจ็บลูกตา ตาแดงดูดังเลือด แลเจ็บหูทั้งซ้ายขวา กระดูกเจ็บทั่วกายา ให้อยากน้ำในราตรี หนึ่งนอน บ ห่อนหลับ หายใจคับ บ อิ่มดี ขัดข้องอุระทวี ให้รากเหลืองพิการกล
ไข้ใดสบัดหนาว แลสะบัดให้ร้อนรน หน้าผากศีร์ษะทนต์ ให้ปวดร่ำกระหน่ำ ไป เจ็บคอแลขัดอก กระหายน้ำบ คลายใจ เรี่ยวแรง บ มีใน ให้ระทดระทวยกาย ปัสสาวะให้ขัดข้อง ไม่แคล่วคล่อง ในทางระบาย แพทย์จงกำหนดหมาย ให้สถิตย์สเถียรใจ ไข้สามประการนี้ กำหนดมีใช่อื่นไกล สันนิบาตจงแจ้งใจ กระทำให้พิการกล
ไข้ใดเจ็บสดือ กระพือขึ้นไปเบื้องบน หน้าตานั้นวิงวน ให้มืดมนแลพร่างพราย ให้เจ็บที่กำด้น ตลอดจนกระหม่อม หมาย สบัดร้อนทุรนทุราย แล้วสะท้านให้เยือกเย็น ไส้พุงนั้นพลุ่งพล่าน ในอาการจงเล็งเห็น สันนิบาตโลหิตเปน ประจักษ์แจ้งอย่าแคลงใจ
ไข้ใดให้เป็นเม็ด ดูแดงทั่วทั้งตัวไป ให้ปวดขบศีร์ษะใน เมื่ออาทิตย์สว่างวัน เรียกว่าสันนิบาต ปกัง ชาติหมู่มัน แพทย์เห็นจงสำคัญ ให้หยั่งรู้ในเชิงชาย
ไข้ใดพิศดูรูป พิเคราะห์ทราบว่าตัวลาย แม้นเหมือนดังเรื้อนราย แลมันเพ้อมะเมอไป คนอื่นจะพูดด้วย มิได้ยินสำเหนียกใน โรคนี้ใช่อื่นไกล คือตรีโทษเข้าเบียดเบียฬ
ไข้ใดให้หนาวสะท้าน ย่อมบิดคร้านหน้าวิงเวียน แสยงขน แลปวดเศียร กระหายหอบ ซึ่งวารี บั้นเอ็วแลท้องน้อย ประจำเจ็บมากทวี ปากคอนั้นเคยมี น้ำลายเล่าก็ขาดไป นิทรา ก็ตาค้าง ด้วยทางลมเสมหะใน พัดปนระคนไป กำเนิดให้ซึ่งโรคา
ไข้ใดให้ตาแดง ผิวหนังแห้งอยู่โรยรา กระหายน้ำแลไสยา มิให้หลับระงับกาย ให้รากแลมูตร นั้น ดูสีสันก็เหลืองหลาย อาการเที่ยงดูเชิงชาย เปนสุดสิ้นสมประดี อาการนั้นบอกแจ้ง เปนตำแหน่งเสมหะมี เข้าปนระคน ดี เปนสองทำประจำกาย
ไข้ใดให้ท้องขึ้น แลวิงเวียนศีร์ษะสลาย ให้สอึกให้รากราย ด้วยโทษลมกำเดาทำ
ไข้ใดขัดอกจาม ตลอดถึงนาภี นำ เสมหะกำเดา ทำเข้าปะปนระคนกัน
ไข้ใดให้คลื่นเหียน แลอาเจียรน้ำลายครัน ลมเลือดน้ำเหลืองนั้น ทั้งสามโทษเข้าพันพัว
ไข้ใดให้นอนมาก ให้ขมปากให้เจ็บหัว หนึ่งนั้นให้เจ็บตัว กำเนิดเกิดไข้เพื่อดี
ไข้ใดมิให้หลับ ให้รากปวดศีร์ษะมี ให้กระหายซึ่งวารี ให้เจ็บคอปากแห้งไป
ไข้ใดให้เจ็บตา กระอาย หัวดังควันไฟ ทั้งสองไข้จงแจ้งใจ คือกำเดาให้โทษา
ไข้ใดมันให้เจ็บ แต่ฝ่าเท้านั้นขึ้นมา ให้ร้อนจนสิ้น สารพางค์กายไม่คลายใจ ในราตรีให้เร่งยา อย่าให้ทันอุไทยไข กำเดาโทษนี้ไซ้ เร่งระมัดประหยัดกาย ไข้เพื่อโลหิตนั้น สำคัญเจ็บหน้าผากหลาย ใจมักกระสับกระส่าย จงแจ้งจำที่คำครู
ไข้ใดให้นอนฝัน มักคลั่งไคล้อายปากดู น้ำลายมากพราวพรู แลมือเท้าให้เยือกเย็น มีมารยาอยากอาหาร เนื้อคาวหวานจงเล็งเห็น ข้อมือข้อเท้าเปน ให้ขัดข้องไม่ว่องไว หนึ่งให้สบัดหนาว แลสบัดให้ร้อนไป โทษนี้เสมหะใน มากระทำเข้าย่ำยี
ไข้ใดกินอาหาร ให้ขมปากนั้นมากมี ให้อยากของมิดี อันแสลง ซึ่งโรคา ให้สะท้านเนื้อระริก แลเสียวซ่านทั้งอาตมา หนึ่งเจ็บทั่วกายา ให้จุกเสียดไม่สมประดี
ไข้ใดหนาวสะท้าน แลบิดคร้านยอกเสียดมี ลักษณสองไข้นี้ เปนไข้เพื่อธาตุวาตา
ไข้ใดหนาวสะท้าน ปากหวานแลให้เอา เจียรแสยงซึ่งโลมา หนึ่งหัวตำแลลำคอ ทั่วทั้งสรรพางค์เนื้อ ให้เจ็บสิ้นไม่เหลือหลอ นอนขึงไม่พึงพอ อนึ่งอาหารไม่นำพา
ไข้ใดให้สะอึก แลรากร้อนในวิญญา ทั้งสองไข้คือวาตา ให้โทษแท้ประจักษ์ใจ คัมภีร์สารสงเคราะห์ ท่านจัดเจาะประจงไข ด้วยลักษณใน สำประชวร ห้าประการ เพื่อเลือดแลกำเดา จักษุแดงโลหิตปาน เพื่อเสมหะสัณฐาน จักษุดังขมิ้นทา หนึ่งเกิดเพื่อดีนั้น ดังแว่นเขียวเข้าปะตา หนึ่งเกิดเพื่อลมกล้า จักษุคล้ำให้มัวไป จำพวกหนึ่งจักษุนั้น ไม่สู้แดงประการใด เพื่อเส้นอำมะพฤก ใน ให้เกิดกับสำหรับชาย ถ้าแลสัตรีนั้น แพทย์จงได้สำคัญหมาย เพื่อเส้นปัตฆาฏ ท้าย เกิดสำหรับกับสัตรี
ไข้ใดให้กายนั้น ดูเศร้าดำไม่มีศรี ให้ไอแห้งอยากวารี ให้ฝาดปากเจ็บอกไป หายใจให้ขัดข้อง ด้วยในท้องเปนก้อนใน แพทย์จงกำหนดใจ เปนเพื่อลมสิ่งเดียวดาย
ไข้ใดให้เจ็บหนัง ปัสสาวะนั้นเหลืองหลาย ให้ร้อนกระวนกระวาย ให้พึงใจที่อันเย็น ตาแดงแลลงท้อง ให้อยากน้ำวิบัติเปน ไข้เพื่อกำเดาเห็น ประจักษ์จิตร อย่าคิดฉงน
ไข้ใดศีร์ษะนั้น ให้ปวดเหลือกำลังทน ให้สะท้านบิดคร้านตน ให้ไอให้หาวนอน หนึ่งให้เสโท ตก จะหยิบยกอธิกรณ์ เพื่อลมเสมหะจร เข้าทับทำประจำเปน
ไข้ใดให้ซึมมัว กระหายน้ำสะท้านเย็น ขมปากวิบากเปน หนึ่งท้องให้ร้องไป ให้เจ็บตัวเสโทตก หนึ่งให้กำเริบไอ เพื่อเสมหะกำเดาใน กระทำให้พิการกาย หนึ่งไข้ตรีโทษนั้น เปนโทษสามประการหมาย หนึ่งเจ็บไปทั่วกาย หนึ่งนอนไม่หลับไหล หนึ่งเล่าอาหารเคย ก็ละเลยไม่อาไลย แต่อาการที่เกิดใน เปนทุวรรณโทษา ถ้าแพทย์ใดสำนักครู เรียนร้อบรู้ในโรคา ยังพอจะเยียวยา ไว้สำนวนกระบวนทำ
ไข้ใดให้ไอแห้ง แลให้หอบเสมหะนำ ตั้งอยู่ในคอทำ ให้แพทย์พึงกำหนดใน เล็บมือแลเล็บเท้า แลลิ้นนั้นก็เขียวไป ตานั้นก็เขียวไซ้ ดังตาแมวมาติดตา สาบกลิ่นดังสุนักข์ แพะแร้งแลนกกา นำพร้อมด้วยโทษา โทษนั้นเที่ยงอย่าเกี่ยงใจ นามชื่อสันนิบาต มาตัดชาติทุกข์ไป ไม่พร้อมดังกล่าวไข แพทย์พอได้จะตามทัน
ไข้ใดล้มไข้ลง ในวันหนึ่งแลสองวัน ให้เชื่อมมึนอาการนั้น ไม่รู้สมประดีใด ให้ปิดอุจจาระ ยาถ่ายก็มิไป ทั้งอาหาร บ ทานได้ แลให้รากนั้นมากครัน ถ้าอาการนั้นยืนไป ถึงสิบวันสิบเอ็จวัน โทษตัดอย่าตามมัน เปนลักษณแห่งปถวี
ไข้ใดล้มไข้ลง ในสามวันสี่วันมี นอนสดุ้งไม่สมประดี สติพลั้งไม่ยั้งกาย ให้เพ้อ ให้เรอราก แลรากมีแต่น้ำลาย มือเท้าทั้งขวาซ้าย ให้ผิดเพศ สังเกตเย็น ได้หนึ่งจะเสียสอง ในทำนองจงเล็งเห็น อาการที่มันเปน คือโทษธาตุชาติวาตา ถ้าแก้มือแลเท้า มิได้เรียบให้ร้อนมา อาการบันดาลดา ให้ครุมเครือเรื้อรังไป ถึงเก้าวันสิบวัน จะอาสัญอย่าสงไสย เที่ยงแท้อย่าอาไลย เพราะโทษตายนั้นมีมา
ไข้ใดล้มไข้ลง อยู่ในสามสี่เวลา อาการมันมีมา บางทีนั้นให้ลงไป บางทีมันให้ตก เสมหะโลหิตใน ตามช่องทวาร ไข ทั้งหนักเบาแลบางที ให้รากซึ่งโลหิต จงเร่งคิดถึงชีวี ไข้ใดเปนดังนี้ อาโปธาตุนั้นบันดาล ถ้าแก้ด้วยยายำ ที่เคยซ้ำเปนหลายขนาน มิถอยซึ่งอาการ มันแขงขืนจะยืนไป ถึงแปดวันเก้าวัน เปนเที่ยงธรรม์ จะบรรไลย แพทย์จงสำคัญใจ กำหนดไว้ในอุรา
ไข้ใดล้มไข้ลง ถึงสามวันสี่วันมา ให้ร้อนทั่วกายา ทั้งภายนอกและภายใน ให้ทนทุรนราย กระสับกระส่ายในหัวใจ ให้ประพรมน้ำไป มิได้ขาดที่กายา ให้ลิ้นแห้งคอแห้ง แห้งจนถึงในอุรา อยากน้ำไม่เปนครา ให้คลั่งไคล้ไม่สมประดี ให้เจ็บนั้นต่างๆ ดังหนึ่งคนมารยามี อยากของอันต้องที่ กำหนดห้ามยิ่งหยามใจ ดุจดังฉะมบ ปอบ เข้าล้วงลอบกินอยู่ใน โทษนี้คือธาตุไฟ กระทำให้วิบัติกาย จะได้สักส่วนหนึ่ง แลจะเสียสองส่วนทาย แก้ร้อนมิวายคลาย อาการนั้นยังยืดยืน ถึงเจ็ดวันแปดวัน อย่าหมายมั่นจะฝ่าฝืน โทษนี้ไม่ได้คืน ชีวิตจะมรณา
อ้างอิงข้อมูล : ลักษณะอาการของไข้
- ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไป สาขา เวชกรรม เล่ม ๑ โดย กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
- ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เล่ม ๑ โดย พระยาพิศณุประสาทเวช สำนักพิมพ์ดวงดี
ชื่อยาสมุนไพร : ยาแคปซูลสมุนไพรผสมว่านชักมดลูก
ชื่อแหล่งที่มา : ว่านชักมดลูก ทิพย์โอสถยาไทย
สรรพคุณ : แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ
ทะเบียนเลขที่ : G572/53
ประเภท : ยาสามัญแผนโบราณ
ขนาดบรรจุ : จำนวน 60 แคปซูล
ใบอนุญาตเลขที่ ฆท. 767/257
อายุของยา 3 ปี (นับจากวันผลิต)
ราคาปกติ :
ราคาขาย : 250 บาท
คำอธิบายเพิ่มเติม : สมุนไพรทิพย์โอสถยาไทย ยาว่านชักมดลูกผสมสมุนไพร
อันว่ากุมารีทั้งหลาย เมื่อยังเยาว์ยังเล็กอยู่นั้น กำเนิดตานทรางก็เหมือนกุมารผู้ชาย ต่อเมื่อได้อายุล่วงกำหนดตานทรางถึงกำหนดที่จะมีฤดูแล้ว จึงมีประเภทต่างกันกับผู้ชาย ๔ ประการ ที่จะให้สัตว์ปติสนธิจะเกิดโรค ก็เกิดด้วยโลหิตนั้นมากกว่าโรคอื่นมีประเภทแปลกกันกับชาย ๔ ประการนั้น คือถันประโยธรประการ๑ คือจริตกิริยาประการ ๑ คือประเวณีประการ ๑ คือต่อมโลหิตประการ ๑ เปน ๔ ประการด้วยกันดังนี้ อนึ่งมีพระบาฬีว่าต่อมหรือดอกโลหิตแห่งหญิงผู้นั้นก็บังเกิดขึ้นมา ตามประเพณีแห่งสัตรีภาพแล
จะว่าตามพระบาฬีนั้น ว่าหญิงจำพวกใดเมื่อพ้นกำหนดแห่งตานทรางแล้ว อายุล่วงขึ้นไปได้ ๑๔, ๑๕ ปี ต่อมโลหิตก็ตั้งขึ้นมาตามประเพณีแห่งโลกทั้งหลาย แลหญิงนั้นเมื่อยังเปนสาวพรมจารีอยู่ จะได้รู้ว่าประเพณีสังวาศ ยังไรก็มิได้ ให้บังเกิดปติพัทธ์ขึ้นมาเอง คือให้ฝันเห็นว่ามีชายมาร่วมประเพณีด้วยตั้งแต่นั้นก็มีฤดูตามประเวณี ถันประโยธรนั้นก็วัฒนาเจริญขึ้นพระอาจารย์เจ้าจึ่งกล่าวลักษณโลหิตฤดูปรกติ มี ๕ ประการ ดังพระบาฬีโดยอธิบาย ว่าฤดูแห่งสัตรีทั้งหลายซึ่งบังเกิดนั้นท่านยกขึ้นว่าไว้พอให้เห็นซึ่งลักษณะแห่งโลหิตปรกติโทษแต่ ๕ ประการ โดยประเภทต่างกันดังนี้
ลักษณะแห่งโลหิตปรกติโทษแต่ ๕ ประการ (ประจำเดือนปกติ) คือโลหิตบังเกิดแต่หัวใจนั้น เนื่องมาแต่
หทัยวัตถุกำเดาประการ ๑
โลหิตเนื่องมาแต่ดีประการ ๑
โลหิตเนื่องมาแต่ผิวเนื้อประการ ๑
โลหิตบังเกิดเนื่องมาแต่เส้นเอ็นประการ ๑
คือ โลหิตบังเกิดเนื่องมาแต่กระดูกประการ ๑ เปน ๕ ประการ ด้วยกันดังนี้
โลหิตบังเกิดแต่หัวใจนั้น เมื่อจะมีฤดูมามักให้ระส่ำระสาย มักขึ้งโกรธบ้าบ่นบางทีให้คลั่งมะเมอเพ้อพก เมื่อจะเปนนั้นริมจักษุเขียว ถ้าแพทย์ผู้ใดแก้มิฟังหญิงนั้นจะเสียจริตเปนบ้า
ลักษณโลหิตบังเกิดแต่ขั้วดีนั้น เมื่อฤดูมีมาให้เปนไข้ไป ๔, ๕ วัน ให้เชื่อมไปไม่รู้ว่าค่ำรุ่ง แลนอนสดุ้งหวาดเจรจาด้วยผีคน สมมุติว่าขวัญไปกินเถื่อน เพราะว่าโลหิตนั้นทำเอง บางทีผุดขึ้นมาเห็นดำเห็นแดงก็มี เท่าแว่นน้ำอ้อยก็มี ถ้าผู้ใดแก้มิฟังบุคคลผู้นั้นจะกลายเปนไข้ลากสาตสันนิบาต
อันว่าลักษณโลหิตอันบังเกิดแต่ผิวเนื้อนั้น เมื่อจะมีฤดูมานั้นให้ร้อนผิวเนื้อให้ร้อนผิวหนัง แลแดงดังผลตำลึงสุก บางทีผุดขึ้นดังเม็ดผด แลเท่าใบพุดทราเท่างบน้ำอ้อยก็มี ดุจไข้ลากสาดสันนิบาต ไป ๒ วันไป ๓ วัน บางทีสมมุติว่าเปนประดง ครั้นฤดูมีมาก็หาย
อันว่าลักษณโลหิตอันเกิดแต่เส้นเอ็นทั้งปวงนั้น เมื่อฤดูจะมีมานั้นให้เปนดุจไข้จับ ให้สบัดร้อนสท้านหนาวปวดศีศะเปนกำลัง ครั้นฤดูมีมาก็หายไปแล
อันว่าลักษณโลหิตอันเกิดแต่อัฐิ นั้น เมื่อฤดูจะมีมานั้นให้เมื่อยทุกข้อทุกลำนั้น ดังอัฐิจะแตกจะคลาดกันไป ให้เจ็บเอวให้เจ็บท้อง ให้บิดคร้านนอนไป ครั้นฤดูมีมาก็หาย
โลหิตปรกติโทษทั้ง ๕ ประการนี้ ท่านสงเคราะห์ไว้พอเปนที่สังเกตุแห่งแพทย์ ใช่โลหิตฤดูปรกติโทษจะมีแต่เท่านี้หามิได้ ก็ย่อมมีทั่วทั้งอาการ ๓๒ ธาตุทั้ง ๕ ใช่ว่าโลหิตนั้นจะถึงฤดูแล้วโลหิตไหลเดินมาจากหัวใจจากดีจากเนื้อจากเส้นจาก อัฐิก็หามิได้ โลหิตปรกตินั้นก็ชุ่มแช่กรัชกาย อยู่ทั่วทั้งตัว ด้วยสามารถลมทั้ง ๖ จำพวก แลลมทั้งหลายพัดให้เดินไปมา ตามระหว่างเส้นเอ็นแลเนื้อแลหนัง อีกทั้งอะวะยะวะ ในกรัชกายทั้งปวง เปนธรรมดาทุกตัวสัตว์ เตโชธาตุทั้ง ๔ ก็อบอุ่นให้โลหิตนั้นร้อนอยู่เปนธรรมดา ถ้าเตโชธาตุกล้าเดินเกิดปรกติเมื่อใด โลหิตนั้นร้อนทนมิได้ก็ผุดขึ้นมานอกผิวหนัง แพทย์ทั้งปวงสมมุติว่าเม็ดกำเดา ลากสาดปานดำแดงแลกาฬทั้งปวงนั้นก็คือโลหิตนั้นเอง ท่านจึงว่าไว้ว่าดีว่ากำเดานั้นคือเตโช โลหิตนี้เปนเจ้าของสมุฏฐาน อันว่าโลหิตฤดูนี้เปนชาติธรรมดาสัตรี ผู้ใดเคยถึงฤดูนั้น ลมกองใดเคยกำเริบลมกองนั้นกำเริบขึ้นทุกเดือนทุกครั้ง จึงเรียกปรกติโลหิต ถ้าถึงกำหนดฤดูมา อาการแปลกไปอย่างอื่นลมกองอื่นทำแล้ว จัดได้ชื่อว่าทุจริตโทษ อาการโลหิตปรกติโทษนั้นใช่จะมีแต่ ๕ ประการนั้นหามิได้ ก็ย่อมมีต่างๆ ตามลักษณโลหิตที่เปนนั้น ตั้งแต่แรกเมื่อฤดูมาอาไศรยธาตุ อาไศรยสมุฏฐาน อาไศรยฤดู ที่เคยเปนนั้น
ลักษณะของประจำเดือนสตรี ท่านสามารถติดตามศึกษาได้ที่
- ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไป สาขา เวชกรรม เล่ม ๑ โดย กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
- ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เล่ม ๒ โดย พระยาพิศณุประสาทเวช สำนักพิมพ์ดวงดี
ยาขมิ้นชัน ทิพย์โอสถ ยาไทย
ชื่อยาสมุนไพร : ขมิ้นชัน
ชื่อแหล่งที่มา : ขมิ้นชัน ทิพย์โอสถยาไทย
สรรพคุณ : แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ทะเบียนเลขที่ : G200/53
ประเภท : ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ
ขนาดบรรจุ : จำนวน 60 แคปซูล
ใบอนุญาตเลขที่ ฆท. 770/2557
อายุของยา 3 ปี (นับจากวันผลิต)
ราคาปกติ :
ราคาขาย : 250 บาท
คำอธิบายเพิ่มเติม : สมุนไพรทิพย์โอสถยาไทย ยาขมิ้นชัน
ขมิ้นชัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma longa L.
ชื่อสามัญ : Turmaric
วงศ์ : Zingiberaceae
ชื่ออื่น : ขมิ้น (ทั่วไป) ขมิ้นแกง ขมิ้นหยอก ขมิ้นหัว (เชียงใหม่) ขี้มิ้น หมิ้น (ภาคใต้)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 30-90 ซม. เหง้าใต้ดินรูปไข่มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกด้านข้าง 2 ด้าน ตรงกันข้ามเนื้อในเหง้าสีเหลืองส้ม มีกลิ่นเฉพาะ ใบ เดี่ยว แทงออกมาเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกันรูปใบหอก กว้าง 12-15 ซม. ยาว 30-40 ซม. ดอก ช่อ แทงออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ รูปทรงกระบอก กลีบดอกสีเหลืองอ่อน ใบประดับสีเขียวอ่อนหรือสีนวล บานครั้งละ 3-4 ดอก ผล รูปกลมมี 3 พู
ส่วนที่ใช้ : เหง้าแก่สด และแห้ง
สรรพคุณ :
เป็นยาภายใน
- แก้ท้องอืด
- แก้ท้องร่วง
- แก้โรคกระเพาะ
เป็นยาภายนอก
- ทาแก้ผื่นคัน โรคผิวหนัง พุพอง
- ยารักษาชันนะตุและหนังศีรษะเป็นเม็ดผื่นคัน
วิธีและปริมาณที่ใช้
เป็นยาภายใน
เหง้าแก่สดยาวประมาณ 2 นิ้ว เอามาขูดเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด เติมน้ำ คั้นเอาแต่น้ำ รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง
เป็นยาภายนอก
เหง้าแก่แห้งไม่จำกัดจำนวน ป่นให้เป็นผงละเอียด ใช้ทาตามบริเวณที่เป็นเม็ดผื่นคัน โดยเฉพาะในเด็กนิยมใช้มาก
สารเคมี
ราก และ เหง้า มี tumerone, zingerene bissboline, zingiberene,(+) - sabinene, alpha-phellandrene, curcumone, curcumin
อ้างอิง : โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ยาฟ้าทะลายโจร ทิพย์โอสถ ยาไทย
ชื่อยาสมุนไพร : ยาฟ้าทะลายโจร
ชื่อแหล่งที่มา : ยาฟ้าทะลายโจรทิพย์โอสถยาไทย
สรรพคุณ : แก้ไข้
ทะเบียนเลขที่ : G248/53
ประเภท : ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ
ขนาดบรรจุ : จำนวน 60 แคปซูล
ใบอนุญาตเลขที่ ฆท. 769/2557
อายุของยา 3 ปี (นับจากวันผลิต)
ราคาปกติ :
ราคาขาย : 250 บาท
คำอธิบายเพิ่มเติม : สมุนไพรทิพย์โอสถยาไทย ยาฟ้าทะลายโจร
ฟ้าทะลายโจร
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculata (Burm.f.) Wall.ex Nees
ชื่อสามัญ : Kariyat , The Creat
วงศ์ : ACANTHACEAE
ชื่ออื่น : หญ้ากันงู (สงขลา) น้ำลายพังพอน ฟ้าละลายโจร (กรุงเทพฯ) ฟ้าสาง (พนัสนิคม) เขยตายยายคลุม สามสิบดี (ร้อยเอ็ด) เมฆทะลาย (ยะลา) ฟ้าสะท้าน (พัทลุง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก สูง 30-70 ซม. ทุกส่วนมีรสขม กิ่งเป็นใบสี่เหลี่ยม ใบ เดี่ยว แผ่นใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ดอก ช่อ ออกที่ปลายกิ่งและซอกใบ ดอกย่อย กลีบดอกสีขาว โคนกลีบติดกัน ปลายแยก 2 ปาก ปากบนมี 3 กลีบ มีเส้นสีม่วงแดงพาดอยู่ ปากล่างมี 2 กลีบ ผล เป็นฝัก เมื่อแก่เป็นสีน้ำตาล แตกได้ ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก
ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น ใบสด ใบแห้ง ใบจะเก็บมาใช้เมื่อต้นมีอายุได้ 3-5 เดือน
สรรพคุณ
มี 4 ประการคือ
แก้ไข้ทั่ว ๆ ไป เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่
ระงับอาการอักเสบ พวกไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ขับเสมหะ รักษาโรคผิวหนังฝี
แก้ติดเชื้อ พวกทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย บิด และแก้กระเพาะลำไส้อักเสบ
เป็นยาขมเจริญอาหาร
และการที่ฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณ 4 ประการนี้ จึงชวนให้เห็นว่าตัวยาต้นนี้ เป็นยาที่สามารถนำไปใช้กว้างขวางมาก จากเหตุผลที่ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ระงับการติดเชื้อหรือระงับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
ใบฟ้าทะลายโจร มีสารเคมีประกอบอยู่หลายประเภท แต่ที่เป็นสาระสำคัญในการออกฤทธิ์ คือ สารกลุ่ม Lactone คือ
สารแอดโดรกราโฟไลด์ (andrographolide)
สารนีโอแอนโดรกราโฟไลด์ (neo-andrographolide)
14-ดีอ๊อกซี่แอนโดรกราโฟไลด์ (14-deoxy-andrographolide)
ฟ้าทะลายโจรเป็นยาเก่าแก่ของประเทศจีน ที่ใช้ในการแก้ฝี แก้อักเสบ และรักษาโรคบิด การวิจัยด้านเภสัชวิทยาพบว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถยับยั้ง เชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเป็นหนองได้ และมีการศึกษาวิจัยของโรงพยาบาลบำราศนราดูร ถึงฤทธิ์ในการรักษาโรคอุจจาระร่วงและบิด แบคทีเรีย เปรียบเทียบกับ เตตราซัยคลิน ในผู้ป่วย 200 ราย อายุระหว่าง 16-55 ปี ได้มีการเปรียบเทียบระยะเวลาที่ถ่ายอุจจาระเหลว จำนวนอุจจาระเหลว น้ำเกลือที่ให้ทดแทนระหว่างฟ้าทะลายโจรกับเตตราซันคลิน พบว่าสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ลดจำนวนอุจจาระร่วงและจำนวนน้ำเกลือที่ให้ทดแทนอย่างน่าพอใจ แม้ว่าจากการทดสอบทางสถิติ จะไม่มีความแตกต่างโดยในสำคัญก็ตาม ส่วนการลดเชื้ออหิวาตกโรคในอุจจาระ ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ผลดีเท่าเตตราซัยคลิน นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลชุมชนบางแห่งได้ใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาอาการเจ็บคอได้ผลดีอีกด้วย มีฤทธิ์เช่นเดียวกับเพ็นนิซิลินเมื่อเทียบกับยาแผนปัจจุบัน เท่ากับเป็นการช่วยให้มีผู้สนใจทดลองใช้ยานี้รักษาโรคต่าง ๆ มากขึ้น
วิธีและปริมาณที่ใช้
1 ถ้าใช้แก้ไข้เป็นหวัด ปวดหัวตัวร้อน
ใช้ใบและกิ่ง 1 กำมือ (แห้งหนัก 3 กรัม สดหนัก 25 กรัม) ต้มน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ 2
ครั้ง เช้า-เย็น หรือเวลามีอาการ
2 ถ้าใช้แก้ท้องเสีย ท้องเดิน เป็นบิดมีไข้
ใช้ทั้งต้นหรือส่วนทั้ง 5 ของฟ้าทะลายโจร ผึ่งลมให้แห้ง หั่นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ 1 กำมือ
(หนักประมาณ 3-9 กรัม) ต้มเอาน้ำดื่มตลอดวัน
ตำรับยาและวิธีใช้
1 ยาชงมีวิธีทำดังนี้
- เอาใบสดหรือแห้งก็ได้ ประมาณ 5-7 ใบ แต่ใบสดจะดีกว่า
- เติมน้ำเดือดลงจนเกือบเต็มแก้ว
- ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง หรือพอยาอุ่น แล้วรินเอามาดื่ม ขนาดรับประทาน
ครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหาร, ก่อนนอน
2 ยาเม็ด (ลูกกลอน) มีวิธีทำดังนี้
- เด็ดใบสดมาล้างให้สะอาดผึ่งในที่ร่ม ห้ามตากแดด ควรผึ่งในที่มีลมโกรก ใบจะได้แห้งเร็ว
- บดเป็นผงให้ละเอียด
- ปั้นกับน้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม เป็นเม็ดขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลือง (หนัก 250 มิลลิกรัม)
แล้วผึ่งลมให้แห้ง เพราะถ้าปั้นรับประทานขณะที่ยังเปียกอยู่จะขมมาก ขนาดรับประทานครั้งละ 4-10 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหาร, ก่อนนอน
3 แค๊ปซูล มีวิธีทำคือ
แทนที่ผงยาที่ได้จะปั้นเป็นยาเม็ด กลับเอามาใส่ในแค๊ปซูล เพื่อช่วยกลบรสขมของยา แค๊ปซูล ที่ใช้ ขนาดเบอร์ 2 (ผงยา 250 มิลลิกรัม) ขนาดรับประทานครั้งละ 3-5 แค๊ปซูล วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหาร ก่อนนอน
4 ยาทิงเจอร์หรือยาดองเหล้า
เอาผงแห้งใส่ขวด แช่สุราที่แรง ๆ เช่น สุราโรง 40 ดีกรี ถ้ามี alcohol ที่รับประทานได้ (Ethyl alcohol) จะดีกว่าเหล้า แช่พอให้ท่วมยาขึ้นมาเล็กน้อย ปิดฝาให้แน่น เขย่าขวดวันละ 1 ครั้ง พอครบ 7 วัน จึงกรองเอาแต่น้ำ เก็บไว้ในขวดให้สะอาดปิดสนิท รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ (รสขมมาก) วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหาร
5 ยาผงใช้สูดดม
คือเอายาผงที่บดละเอียด มาใส่ขวดหรือกล่องยา ปิดฝาเขย่าแล้วเปิดฝาออก ผงยาจะเป็นควันลอยออกมา สูดดมควันนั้นเข้าไป ผงยาจะติดที่คอทำให้ยาไปออกฤทธิ์ที่คอโดยตรง ช่วยลดเสมหะ และแก้เจ็บคอได้ดี วิธีที่ดีกว่านี้คือวิธีเป่าคอ กวาดคอ หรือรับประทานยาชง ตรงที่คอจะรู้สึกขมน้อยมาก ไม่ทำให้ขยาดเวลาใช้ ใช้สะดวกและง่ายมาก ประโยชน์ที่น่าจะได้รับเพิ่มก็คือ ผงยาที่เข้าไปทางจมูก อาจจะช่วยลดน้ำมูก และช่วยฆ่าเชื้อที่จมูกด้วย
ขนาดที่ใช้
สูดดมบ่อย ๆ วันละหลาย ๆ ครั้ง ถ้ารู้สึกคลื่นไส้ให้หยุดยาไปสักพัก จนความรู้สึกนั้นหายไป จึงค่อยสูดใหม่
ข้อควรรู้เกี่ยวกับตำรับยา
สารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) สารในต้นฟ้าทะลายโจร ละลายในแอลกอฮอร์ได้ดีมาก ละลายในน้ำได้น้อย ดังนั้นยาทิงเจอร์ หรือยาดองเหล้าฟ้าทะลายโจร จึงมีฤทธิ์แรงที่สุด ยาชงมีฤทธิ์แรงรองลงมา ยาเม็ดมีฤทธิ์อ่อนที่สุด
ข้อควรระวัง
บางคนรับประทาน ยาฟ้าทะลายโจร จะเกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย ปวดเอว เวียนหัว แสดงว่าแพ้ยา ให้หยุดยา และเปลี่ยนไปใช้ยาอื่น
หรือลดขนาดรับประทานลง
อ้างอิง : โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ยาหอม ทิพย์โอสถ ยาไทย
ชื่อยาสมุนไพร : ยาหอม ทิพย์โอสถ
ชื่อแหล่งที่มา : ยาหอม ทิพย์โอสถ ทิพย์โอสถยาไทย
สรรพคุณ : แก้ลม วิงเวียน
ทะเบียนเลขที่ : G165/52
ประเภท : ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ
ขนาดบรรจุ : จำนวน 20 กรัม
ใบอนุญาตเลขที่ ฆท. 768/2557
อายุของยา 3 ปี (นับจากวันผลิต)
ราคาปกติ :
ราคาขาย : 50 บาท